9 เรื่องน่ารู้สำหรับบ้านพักคนชรา

Last updated: 19 ธ.ค. 2559  |  9846 จำนวนผู้เข้าชม  | 

9 เรื่องน่ารู้สำหรับบ้านพักคนชรา

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับ ชีวิตความเป็นอยู่ของคนชราในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุคุณตาคุณยายหรือมีปัญหาในใจแต่ไม่เคยรู้คำตอบเรามีคำตอบให้ที่นี้

คำถามข้อที่1 : ทำไมลูกหลานถึงส่งคนชรามาอยู่ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

เหตุผลหลักๆที่คนชราเข้ามารับบริการที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนั้นมาจากหลายข้อด้วยกันยกตัวอย่างเช่นหากอยู่ที่บ้านจะไม่มีใครเป็นผู้ดูแลคนชราเพราะลูกหลานจะต้องไปทำงานนอกบ้านกัน หรือคนชราบางคนก็ไม่สามารถอาศัยกับลูกหลานได้เพราะทะเลาะกันบ่อยครั้งสาเหตุจากคนชราและลูกหลานที่อาศัยอยู่ด้วยกันมีวัยที่ค่อนข้างห่างกันมากจึงทำให้คนชราบางคนจะมีความคิดที่ว่าถ้าอยู่บ้านอาจเป็นภาระแก่ลูกได้จึงทำให้ตัดสินใจให้ลูกพามาอยู่ที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุด้วยตัวเองคนชราบางคนอยู่ตัวคนเดียวแต่งงานแล้วแต่สามีภรรยาเสียชีวิตไม่มีลูกหรือบางคนก็เป็นโสดจึงทำให้ไม่มีใครคอยเป็นผู้ดูแล

คำถามข้อที่2 : บ้านพักคนชราต้องรวยถึงอยู่ได้จริงหรือ
กฎระเบียบที่สำคัญในการรับคนชราเข้าศูนย์ดูแลผู้สูงอายุมีปัจจัยสำคัญก็คือคนชราจะต้องมีความสมัครใจหรือได้พูดคุยกับพนักงานของเราว่าดูแลคุณตาคุณยายดีแค่ไหนใส่ใจจุดไหนเป็นพิเศษ ที่จะเข้ารับการดูแล เพราะการที่รับคนชราที่ไม่มีความยินยอมหรือพร้อมใจที่จะเข้ามาอยู่อาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาภายหลังไม่ว่าจะเป็นคนชราเกิดความรู้สึกซึมเศร้าทะเลาะกับคนชราคนอื่น แต่สำหรับคนชราที่มาอาศัยอยู่ที่นี่นั้นวันใดวันหนึ่งเกิดคิดถึงลูกคิดถึงหลาน สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อพูดคุยกับญาติหรือให้ญาติเดินทางมาเยี่ยมได้โดยตลอดและไม่กำหนดระยะเวลาอีกด้วย


คำถามข้อที่3 : คนชราจะเอาเงินที่ไหนใช้
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนั้นาด้วยสาเหตุนี้คนชราที่นี่จึเงินของคนชราบางคนมีเก็บที่ค่อนข้างจะมากทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุก็มีบริการของตู้นิรภัยคอยที่จะดูแลหรือจัดเก็บเงินไว้ให้แก่คนชราอย่างปลอดภัยที่สุดหรือคนชราบางคนก็จะมีสมุดธนาคารที่ลูกหรือหลานจะคอยโอนเงินเข้ามาให้ใช้จ่ายอยู่สม่ำเสมอแต่สำหรับผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ที่นี่นั้นจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอยู่แล้ว



คำถามข้อที่4 : เมื่อคนชรามารวมตัวกันจะมีวิธีการในการดูแลอย่างไร
คนชราจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่งทางบ้านพักคนชราจึงจำเป็นต้องมีระเบียบบางประการไว้เพื่อที่จะไม่ให้มีปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้หากมีปัญหาหรือทะเลาะกันในขั้นตอนแรกเราจะไปบอกกล่าวหรือตักเตือนแต่หากครั้งที่สองเกิดขึ้นก็จะทำการเขียนเตือนเป็นหนังสือว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้งเราจะต้องงดการรับเงินบริจาคหรือสิ่งของที่มีผู้เข้าเอามาให้เป็นการชั่วคราวหรือถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงคนชราที่มีปัญหาเยอะๆเราก็ให้ลูกหลานมารับกลับบ้านหรือเรียกมาคนชรามาพูดคุยเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาด้วยกันซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้หรือจนแม้กระทั่งคนชราที่มีปัญหาเยอะๆเข้ากับผู้อื่นไม่ได้เขาก็จะขอออกจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว




คำถามข้อที่5 : เคยมีเหตุการณ์ที่ลูกหลานไม่สนใจหมางเมินมาส่งแล้วไม่เคยมาเยี่ยมเยียนหรือไม่

เหตุการณ์ที่ญาตินำคนชรามาสมัครรับบริการที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแต่ญาติกลับไม่เคยมาเยี่ยมเยียนหรือดูแลเอาใจใส่ว่าเหตุการณ์มีอยู่จำนวนหลายคนผู้สูงอายุบางคนก็มาบอกให้ทางพนักงานช่วยโทรหาลูกหลานให้ซึ่งญาติบางคนก็สามารถโทรหรือพูดคุยกันได้แต่บางคนก็ไม่สามารถโทรหาได้และไม่อยากพูดคุยหรือพบปะกับคนชราส่วนอีกเหตุการณ์ก็คือไม่สามารถโทรหาหรือติดตามที่อยู่มาได้และเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่สามารถต่อได้เลยโดยเกิดการวิเคราะห์จากผู้ที่พบเห็นหรือคนที่ผ่านไปผ่านมาในบริเวณนั้นว่าทำไมญาติของคุณตาจึงปล่อยให้แกมาอยู่คนเดียวและไม่มาดูแลให้คุณตาแกต้องมาเดินขายของอยู่คนเดียวบางคนก็ต่อว่าราชการว่า ทำไมถึงไม่เข้ามาดูแลหรือบอกกับคุณตาเพื่อที่จะให้การช่วยเหลือต่อไป
โดยความเป็นจริงแล้วทางพนักงานก็ได้เข้าไปแจ้งสอบถามกับคุณตาอันเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ได้ข้อเท็จจริงที่ว่าญาติของคุณตาได้บอกและห้ามคุณตาไม่ให้ทำงานแบบนี้มานานแล้วแต่เป็นทางคุณตากลับไม่ปฎิบัติตามแต่ขอจะทำงานแบบนี้เองเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาของคุณตานั้นแกก็ทำงานมาตลอดชีวิตและญาติๆกับลูกหลานของคุณตาก็ทำมาหากินและคอยดูแลคุณตามาโดยตลอดซึ่งการที่รถที่ขับผ่านไปผ่านมาแถวนี้นั้นทำให้เห็นภาพของคนแก่มายืนขายพวงมาลัยแต่ไม่รู้ว่าเบื้องหลังหรือเบื้องลึกว่าเป็นเช่นไรยิ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปมากมาย

 
คำถามข้อที่6 : เคยมีญาติมารับคนชรากลับไปดูแลเองหรือไม่
คำถามที่สำคัญก็คือเคยมีญาติของคนชราที่นำคนชรามาเข้าลงทะเบียนที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแล้วก็เกิดอาการคิดถึงและอยากเปลี่ยนใจกลับมารับคนชราไปดูแลต่อเองที่บ้านของคนชราเองหรือไม่กลับไปเพราะอยากจะเป็นผู้ดูแลเองหรือตอบแทนบุญคุณแก่คนชราเองแต่เหตุการณ์เช่นนี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากจริงเพราะส่วนมากจะมาแบบที่มาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราวแต่จะไม่นำผู้สูงอายุกลับไปเองคนชราที่อยู่ในบริเวณของห้องพักแบบห้องเดี่ยวนั้นจะเป็นคนชราแบบข้าราชการบำนาญที่จะเป็นคนโสดหรือที่อยู่ตัวคนเดียวที่แต่ก่อนจะมีบ้านเป็นของตนเองอยู่แล้วแต่มักจะเกิดจากความรู้สึกเหงาหงอยจึงตัดสินใจที่จะมาอยู่ที่บ้านพักคนชราเพื่อที่จะได้มีคนที่มีอายุใกล้ๆกันหรือมีคนคอยดูแลและมีงานอดิเรกหรือมีกิจกรรมทำตอนเวลาว่าง

คำถามข้อที่7 : หากคนชราถึงแก่กรรมแล้วลูกหลานไม่สนใจจะทำอย่างไร
ผู้อำนวยการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่คนชราถึงแก่กรรมเมื่อพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักคนชราว่าทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุมีหน้าที่ดูแลคนชราเริ่มนับที่วันที่เข้ามาอยู่ที่นี่จนถึงวันที่เสียชีวิต ดังนั้นแล้วถ้าคนชราถึงแก่กรรมเรื่องแรกที่ทางพนักงานต้องจัดการคือติดต่อลูกหลานเพื่อบอกให้รู้แล้วจะติดต่อทางลูกหลานว่าต้องการจะรับศพไปบำเพ็ญกุศลเองหรือไม่หากว่าลูกหลานปฏิเสธ ทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุก็จะเข้าไปจัดการเป็นธุระเรื่องของพิธีสงฆ์จำนวน1 คืนโดยจะจัดพิธีบริเวณตึกศาลาธรรมเสร็จสิ้นกิจกรรมการสวดก็จะนำศพไปเก็บไว้ที่วัดแล้วจะทำพิธีฌาปนกิจพร้อมกันทุกเมษายนของทุกปี
โดยส่วนมากแล้วลูกๆหลานๆจะไม่นำศพกลับไปทำพิธีเองโดยจะให้ทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจัดการกิจกรรมทางศาสนาให้แทนแต่ทางลูกๆหลานๆก็จะมาร่วมงานสวดศพ1 คืนมากันอีกทีก็วันเผาซึ่งทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุก็จะเก็บอัตฐิของคนชราไว้ให้ด้วยหากลูกหลานไม่รับอัตฐิกลับไปทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุก็จะแบ่งอัตฐิออกเป็นสองส่วนโดยส่วนแรกจะนำไปลอยอังคารและอีกส่วนก็เก็บใส่สถูปของศูนย์ดูแลผ้สูงอายุ



 

คำถามข้อที่8 : ปัญหาของการดูแลคนชราคืออะไร
ปัจจุบันคนชราจะพูดคุยและทำความเข้าใจได้ยากเป็นเพราะคนชรามีการศึกษาเพิ่มขึ้นหลายๆคนเป็นข้าราชการบำนาญหรือมีตำแหน่งสูงมาก่อนซึ่งจะทำให้มีอีโก้ติดตัวมาด้วยเพราะยิ่งมีความรู้มากก็จะทำให้พูดกันลำบากเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ได้จะเป็นแบบนี้กันทุกคนซึ่งจะเป็นเพียงไม่กี่คนกันแคนั้นซึ่งทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุก็จะถือว่าเอาความคิดเห็นของผู้สูงอายุคือการแนะนำในการแก้ไขและปรับปรุงในงานของทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุด้วย

คำถามข้อที่9 : เรื่องที่ลูกหลานควรจะรู้เกี่ยวกับบ้านพักคนชราคืออะไร
เพราะการที่ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมคนชราเร็วกว่าที่คาดการเอาไว้จำนวนคนชรามีจำนวนถึงร้อยละ10 ของจำนวนคนทั้งประเทศเเละอนาคตของเราในอีก10 ปีต่อจากนี้ก็เข้าเริ่มสู่สังคมคนชราอย่างสมบูรณ์แบบ และวิธีรับมือของเรื่องนี้ก็คือเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นผู้จัดการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเน้นย้ำว่าหากเราเรียกตนเองว่าลูกหรือเราคือหลานของคนชราบางคนสิ่งสำคัญที่เราจะต้องปฎิบัติคือเราจะต้องเข้าใจคนชราเพราะคนชรานั้นคือคนที่เคยดูแลเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่ตอนเราเด็กๆและเรื่องเดียวที่สำคัญสำหรับคนชรานั้นคือความรักซึ่งเราควรที่จะตอบแทนบุญคุณแก่ท่านจนกว่าชีวิตของท่านจะหมดไป

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้